คนไทยมีเฮ! ภาครัฐหนุนติดโซล่าฯ ลดหย่อนภาษีได้สองแสน

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการส่งเสริมการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา(Solar Rooftop) สำหรับที่อยู่อาศัย โดยเปิดให้ประชาชนสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการติดตั้งมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามจริง สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาทต่อราย

ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิใช้มาตรการดังกล่าวต้องเป็นเจ้าของมิเตอร์ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย(ประเภทที่ 1) และมีสิทธิ์ลดหย่อนได้ 1 บุคคล ต่อ 1 มิเตอร์ไฟฟ้า ต่อ 1 ระบบเท่านั้น โดยระบบที่ติดตั้งต้องเป็นแบบออนกริด (On-Grid System) ขนาดไม่เกิน 10 กิโลวัตต์ และต้องมีใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ พร้อมเอกสารการขออนุญาตเชื่อมต่อกับเครือข่ายไฟฟ้าอย่างถูกต้อง

นายชัพมนต์ จันทรพงศ์พันธุ์ กรรมการสมาคมอุตสาหกรรมเซลล์แสงอาทิตย์ไทย เปิดเผยว่า มาตรการดังกล่าวจะช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าให้แก่ประชาชน และเป็นแรงจูงใจที่สำคัญในการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด โดยระบุว่าระบบขนาด 3 กิโลวัตต์ สามารถช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้ราว 1,800 บาทต่อเดือน หรือประมาณ 20,000 บาทต่อปี ขณะที่ค่าติดตั้งอยู่ที่ประมาณ 100,000 บาท คืนทุนได้ภายใน 4–6 ปี

นอกจากนี้ ภาคเอกชนยังเสนอให้ภาครัฐพิจารณาเปิดระบบหักลบหน่วยไฟฟ้า(Net Metering) สำหรับกรณีที่มีไฟฟ้าส่วนเกินจากแสงแดดในช่วงกลางวัน เพื่อให้สามารถนำมาหักลบกับค่าไฟที่ใช้ในช่วงเวลาอื่นได้ ซึ่งจะทำให้ระบบโซลาร์ภาคครัวเรือนเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และจูงใจให้ประชาชนติดตั้งมากขึ้น แม้ไม่ได้ใช้ไฟในช่วงกลางวันก็ตาม

ในภาพรวม คาดว่ามาตรการภาษีดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นการลงทุนติดตั้งโซลาร์รูฟในภาคครัวเรือน คิดเป็นมูลค่าเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจรวมกว่า 20,000 ล้านบาท ลดการนำเข้า LNG ได้ประมาณ 2,100 ล้านบาท และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 2.64 ล้านตันคาร์บอนเทียบเท่าต่อปี

ขณะเดียวกัน กระทรวงพลังงานยังเตรียมนำร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีภายใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อสร้างกรอบการสนับสนุนระยะยาว พร้อมทั้งสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี Inverter ผลิตภัณฑ์ฝีมือคนไทยที่ได้รับมาตรฐานแล้ว และเตรียมนำออกสู่ตลาดในราคาย่อมเยา